เครื่องปั้นดินเผาบิเซ็น (Bizen Ware) ศิลปะเซรามิกโบราณจากญี่ปุ่น
เครื่องปั้นดินเผาเป็นงานหัตถกรรมที่สะท้อนทั้งศิลปะและวิถีชีวิตของผู้คนในแต่ละยุคสมัย และหนึ่งในเครื่องปั้นที่ได้รับการยอมรับว่างดงามและเก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่นก็คือ “เครื่องปั้นดินเผาบิเซ็น” (Bizen Ware หรือ 備前焼 – Bizen-yaki) ศิลปะที่ถือกำเนิดขึ้นจากเมืองบิเซ็น จังหวัดโอคายาม่า (Okayama) และยังคงสืบทอดมากว่าพันปี
เครื่องปั้นดินเผาบิเซ็นเริ่มต้นตั้งแต่สมัยนารา (ค.ศ. 710–794) โดยได้รับอิทธิพลจากเทคนิคการทำเซรามิกที่แพร่เข้ามาจากจีนและเกาหลี ญี่ปุ่นนำมาปรับใช้กับดินในท้องถิ่นบิเซ็นซึ่งมีคุณภาพเหนียว แข็งแรง และทนไฟ
ยุคทองของเครื่องปั้นดินเผาบิเซ็นแบ่งได้ดังนี้
- สมัยเฮอันถึงคามาคุระ (ค.ศ. 794–1333): เริ่มเป็นที่นิยมในหมู่ประชาชนทั่วไป เนื่องจากความทนทานและใช้งานได้จริง
- สมัยมุโรมาจิ (ค.ศ. 1336–1573): เครื่องปั้นบิเซ็นถูกยกให้เป็นเครื่องใช้สำคัญ โดยเฉพาะในพิธีชงชาแบบเซน (茶道 – Sadō) ซึ่งเน้นความเรียบง่าย (วะบิ-ซะบิ: wabi-sabi)
- สมัยเอโดะ (ค.ศ. 1603–1868): บิเซ็นกลายเป็นของสะสมที่ชนชั้นสูงและนักบวชให้ความนิยมมากขึ้น
ในปัจจุบันเครื่องปั้นบิเซ็นยังคงได้รับการยกย่องเป็น สมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่น (Important Intangible Cultural Property) มีทั้งการใช้งานจริง เช่น ถ้วยชา แจกัน จาน และการสะสมเป็นงานศิลปะ
ทั้งนี้ จุดเด่นของเครื่องปั้นดินเผาบิเซ็นนั้นมีมากมาย แบ่งได้ดังนี้
- ไม่ใช้เคลือบ (Unguarded Pottery) : เครื่องปั้นบิเซ็นไม่มีการเคลือบ แต่ใช้วิธีเผาด้วยไฟสูง (ประมาณ 1,200–1,300 °C) ในเตาดิน (Anagama) นานถึง 10–14 วัน
- เครื่องปั้นบิเซ็นลวดลายเกิดเองตามธรรมชาติ : สีและลวดลายเกิดจากเปลวไฟ ขี้เถ้าไม้ และการวางชิ้นงานในเตา ทำให้ทุกชิ้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
- ใช้เนื้อดินท้องถิ่นคุณภาพสูง : ดินจากบิเซ็นมีคุณสมบัติเหนียวและทนทานมาก เมื่อเผาแล้วจึงแข็งแรงและมีอายุการใช้งานยาวนาน
- เครื่องปั้นบิเซ็นสะท้อนความงามแบบ Wabi-Sabi : มีความเรียบง่าย ไม่สมบูรณ์แบบ แต่มีความงามแฝงความลึกซึ้ง คือเสน่ห์ที่ทำให้บิเซ็นแตกต่าง
ประเภทของลวดลายที่พบในเครื่องปั้นบิเซ็น
- ฮิโกะคุเมะ (Hidasuki) รอยเส้นสีส้มแดงที่เกิดจากการห่อฟางข้าวก่อนเผา
- โยเกะ (Yōhen) ลวดลายที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิและเปลวไฟ
- โกมา (Goma) จุดเล็ก ๆ คล้ายงา เกิดจากขี้เถ้าที่เกาะผิวแล้วละลาย
- ซังงามง (Sangamen) ลายดอกบัวหรือดอกไม้ที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญระหว่างการเผา
เครื่องปั้นบิเซ็นไม่ได้เป็นเพียงเครื่องใช้ แต่ยังถูกยกย่องเป็น งานศิลปะระดับโลก มีการจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ ศูนย์ศิลปะ และยังเป็นของสะสมที่มีมูลค่าสูง
เครื่องปั้นบิเซ็นสะท้อน ความงามจากธรรมชาติแท้จริง ไม่มีการตกแต่งที่ปรุงแต่งเกินไป แต่ใช้พลังของดิน ไฟ และเวลา สร้างงานที่มีชีวิตและเรื่องราวเฉพาะชิ้น ทำให้ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ร้อยปี เครื่องปั้นดินเผาบิเซ็นก็ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของความงดงามอันเป็นอมตะ