เนื้อดินเปลี่ยนแปลงอย่างไรขณะเผาเคลือบ

อยากรู้ไหมว่า เวลาที่ชิ้นงานกำลังอยู่ในกระบวนการเผาเคลือบนั้น เนื้อดินของชิ้นงานมีการเปลี่ยนแปลงยังไงกว่าจะเสร็จสรรพได้ชิ้นงานที่ผ่านการเผาเคลือบแบบสวยๆ นี่คือคำตอบค่ะ

  • Step 1 ช่วงการเผาไล่น้ำ ในขั้นตอนแรกการเผาเคลือบอย่างช้าๆ ไต่อุณหภูมิไปจนถึง 120 องศาสเซลเวียส จะทำให้น้ำระเหยออกหมด ซึ่งนี่คือรูปแบบการเผาไล่น้ำในเนื้อดินปั้นและน้ำเคลือบออกให้หมด
  • Step 2 ช่วงการเผาให้น้ำในโมเลกุลของวัตถุดิบแตกตัวออก ในเนื้อดินปั้นจะมีส่วนผสมของดินและสารประกอบอื่นๆที่มีผลึกของน้ำอยู่ในโมเลกุลเช่นเดียวกับเคลือบที่ใช้เคลือบผลิตภัณฑ์ ซึ่งผลึกของน้ำนี้จะแตกสลายตัวระเหยออกที่อุณหภูมิ 350-573 องศาเซลเซียส ซึ่งช่วงอุณหภูมินี้ซิลิกาจะเกิดการขยายตัว 3 เท่า จึงต้องเผาช้าๆ เพราะถ้าเผาเร็วจะเกิดการแตกร้าวหรือทำให้เคลือบร่อนได้
  • Step 3 ช่วงการเผาที่ทำให้ซิลิกาเปลี่ยนแปลง จะเกิดในอุณหภูมิ 573-600 องศาเซลเซียส ไม่ควรเร่งการเผาเด็ดขาด เพราะหากซิลิกาที่อยู่ในเนื้อดินปั้นและน้ำเคลือบเกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเร็วเกินไปจะทำให้ชิ้นงานแตกร้าวได้
  • Step 4 ช่วงการเผาที่สารอินทรีย์และก๊าซจำพวกคาร์บอนและซัลเฟอร์สลายตัว ในช่วงนี้สารจำพวกฟลักซ์ประเภทสารประกอบของโซดาและโปแตสมีสภาพเป็นออกไซด์
  • เริ่มตั้งแต่อุณหภูมิ 600 องศาเซลเซียส และค่อยๆ หลอมละลายตัวเข้ากับสารประกอบอลูมินาซิลิเกตและเปลี่ยนสภาพเป็นแก้ว
  • Step 5 ช่วงเริ่มต้นสุกตัว เป็นช่วงนี้โครงสร้างของเนื้อดินปั้นจะยังไม่เปลี่ยนแปลงสภาพ
  • แต่จะเริ่มเปลี่ยนเมื่อสารประกอบจำพวก โซดาและโปแตสเริ่มจะหลอมละลายตัว ทำให้ซิลิกาและอลูมินารวมตัวติดกันเป็นเนื้อเดียวกันได้ ขณะที่ฟลักซ์เริ่มทำปฏิกิริยาในเนื้อดินปั้น


น้ำเคลือบที่หลอมละลายในอุณหภูมิเดียวกับจุดสุกตัวของเนื้อดินปั้นก็เริ่มหลอม ละลายเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะสารประกอบโซดาและโปแตสที่อยู่ในเฟลด์สปาร์ จะเริ่มทำปฏิกิริยากับสารจำพวกแคลเซียมออกไซด์ สังกะสีออกไซด์ แบเรียมออกไซด์ และแมกนีเซียมออกไซด์ แล้วจะหลอมตัว กับอลูมิโนซิลิเกต (Alumino silicate) เปลี่ยนสภาพเป็นแก้วในที่สุด